
เป็นอีกดาราอาวุโสมากความสามารถเลยทีเดียว สำหรับ ‘ชลิต เฟื่องอารมย์’ วัย 72 ปี

ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการรื่นเริงมาอย่างยาวนาน ที่เขานั้นได้หายหน้าหายตาไปจากวงการนานพอสมควร

ออกมาอัปเ ดตชีวิตล่าสุดให้แฟนๆได้ติดตามกันแบบต่อเนื่อง สำหรับ นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ ‘ชลิต เฟื่องอารมย์’ หรือ ‘อาตุ่ม ชลิต’ ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมานานหลาย 10 ปี

ปัจจุบัน ‘ชลิต เฟื่องอารมย์’ ก็ได้ควงแขนลูกสาว ‘แนน ชลิตา’ มาเปิดใจ หลังไปดำเนินชีวิตอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี รวมถึง หันมาทำอาชีพใหม่ เป็นเกษตรกรเต็มตัวปลูกทุเรียน

“ในเวลานี้หันมาทำสวนทุเรียน ส่วนมากก็จะเป็น หมอนทอง ชะนี พวงมณี ทุเรียนขึ้นชื่อที่เมืองจันท์ คือหมอนทอง มีทั้งหมด 50 ไร่ ถามว่ากระทบไหม บังเอิญราคาดี

คือตอนที่เราปลูกใหม่ๆทุเรียนกก.ละ 20-30 บาท แต่ว่าเดี๋ยวนี้ราคา 100 กว่า แทบจะ 200 แล้ว ส่วนใหญ่ผู้ที่ปลูกมักจะส่งออก เป็นทางจีนจะมารับซื้อ ส่วนเงินลงทุนสำหรับการปลูกทุเรียนสูงมาก

เดือนหนึ่งก็เป็นแสนมีทั้งยังค่าย า ค่าปุ๋ย แล้วเราทำคนเดียวไม่ไหว เราจำต้องจ้างคนงานทุกๆวัน แล้วค่าตอบแทนวันหนึ่งอย่างน้อย 300 บาท แล้วคนไทยไม่ทำ มีแต่คนงานต่างด้าวทั้งนั้นเลย

อยู่เมืองจันท์มากกว่า ซึ่งเราอยู่ที่นี่มา 30 ปีแล้ว คือเราเป็นคนที่ถูกใจความเงียบสงบนิ่ง ความเงียบมันทำให้มีการเกิดสมาธิ ทำให้จิตใจพวกเราสงบ แล้วพวกเราก็อยู่กับสิ่งสวยงาม

อยู่กับธ รรมชาติ มันทำให้ชีวิตพวกเรามีความสุขมากมาย เพราะเหตุว่าอยู่กรุงเทพฯ ก็มีแต่ว่าความวุ่นวาย เมืองจันท์ อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มีแต่ว่าสีเขียว แล้ว จันทบุรี มีทั้งหมดเลย มีน้ำตก มีทะเล

มีของกินอุดมสมบูรณ์ และก็ คนก็นิสัยดี พวกเราอยู่ในกลุ่มสมาคมท่องเที่ยวก็เลยทำให้เรามีประโยชน์กับจังหวัดจันทบุรีด้วย เวลาเรามีงานที่กรุงเทพฯ พวกเราก็ขับรถไปๆมาๆเอง เนื่องจากว่ามันใกล้สะดวก

ตอนหน้าทุเรียนก็เอามาให้หลานๆเขาได้ทานกัน เมื่อก่อนตอนเขาเด็กๆเราก็เอาทุเรียนยัดใส่ปากเขา เขาก็ทาน แต่พอโตรู้สึกเหมือนเขาจะเมินๆหลานเขาก็ชวนเล่น

ชวนคุย เขาพูดเก่งมาก ส่วนมากเขาก็จะชวนตามานั่งดูโน่นดูนี่ มาเล่นอะไรตามประสาเด็ก

ได้เลี้ยงทั้งลูกและหลาน มันคนละแบบ อย่างแนนเขาก็ไม่อะไร ส่วนหลานวุ่นวายมาก

คือเจ้ากี้เจ้าการหมดทุกอย่าง เขาจะเป็นคนบงการหมดว่าตาต้องอย่างนั้น ตาต้องอย่างงี้ แต่ว่าตอนเราเลี้ยงลูกๆพ่อแม่เข้านี่จะอีกแบบ จะนิ่ง ไม่เหมือนกัน

พอเราหลบไปอยู่ของเราที่เมืองจันท์ ลูกๆเขาก็เป็นห่วง ไม่ต้องการให้เราไปอยู่ตามลำพังคนเดียวไกลๆเขาก็จะห่วงเรื่องการขับขี่รถ การเป็นอยู่ของเรา อะไรอย่างนั้น

จริงๆไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นห่วง ลูกดีอยู่แล้ว คือที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้เราก็พอแล้ว มีหลานน่ารักๆให้เรามีชีวิตครอบครัวที่ดีที่อบอุ่น ไม่ได้ทำให้เราเดือดเนื้อร้อนใจ หรือมาทำให้เราเค รี ยด

กับสิ่งต่างๆรอบด้าน คือแค่มองหน้าก็รู้ใจกัน และ รู้ใจกันด้วยการกระทำ อยู่โน่นปลอดภั ย เพราะอยู่ในสวนก็ไม่มีใคร อยู่รีสอร์ทก็ปลอดภั ยเพราะลูกค้าไม่มี ที่ไหนเราก็ไม่ไปปลอดภั ยแน่นอน”
